ทัวร์แสวงบุญ อินเดีย เนปาล สี่สังเวชนียสถาน ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า 12 วัน

0
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อ-นามสกุล*
อีเมล*
เบอร์โทรติดต่อ*
จำนวนผู้เดินทาง*
* I agree with Terms of Service and Privacy Statement.
Please agree to all the terms and conditions before proceeding to the next step
บันทึกโปรแกรมทัวร์

Adding item to wishlist requires an account

971
Tour Details
⛅มหากุศลอันยิ่งใหญ่ เดินทางสู่ดินแดนพุทธภูมิ อินเดีย-เนปาล เยือนเส้นทางตามรอยบาทพระศาสดา สักการะสี่สังเวชนียสถาน + ถ้ำอชันตา-ถ้ำเอลโลร่า ชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของวัดถ้ำมรดกโลก พร้อมได้ความรู้แบบเน้นๆ กับ 🧑‍🏫อาจารย์อาณัติชัย เหลืองอมรชัย วิทยากรผู้รอบรู้ในด้านพระไตรปิฎกและชำนาญเส้นทางอินเดีย..ที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย
✅กราบสักการะ ครบ 4 สังเวชนียสถาน 1.ลุมพินี สถานที่ประสูติ 2.พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ 3.สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา 4.กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน
 
✅ชมวัดถ้ำที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลกมรดกโลก ถ้ำอชันตา-ถ้ำเอลโลร่า
 
✅ กราบพระบรมสารีริกธาตุที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ที่นิวเดลลี
 
✅ เยือนสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมหาสติปัฏฐานสูตร ที่ฝากไว้กับชาวพุทธในการออกจากทุกข์ ที่กัมมาสธัมมะนิคม
 
✅ ชมความมหัศจรรย์ของแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาด้วยการเจาะภูเขาด้วยฝีมือมนุษย์ เมื่อ 2,000 ปีที่แล้วโดยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่ถ้ำอาชันตา วัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่ำแก่ที่สุดในโลก
 
✅ เยี่ยมชมหมู่ถ้ำมรดกโลกเอลโลร่าแหล่งรวม 3 ศาสนาของอินเดียโบราณ คือพุทธ เชนและฮินดู
 
✅ชมความตระการตาของการแกะสลักภูเขาไกรลาศ ที่สถิตย์ของพระศิวะในตำนานศาสนาฮินดู
 
❤️ ทีมงานคอยดูแล ดุจญาติผู้ใหญ่
 
❤️ วิทยากรพิเศษที่ให้ความรู้ด้านพระพุทธศาสนา อาจารย์อาณัติชัย เหลืองอมรชัย
 
❤️ ไม่มีกล้อง ก็มีภาพสวยๆได้ โดยทีมงานพร้อมถ่ายภาพสวยๆให้กับทุกท่าน
  • เดินทางพร้อมกับ อาจารย์ อาณัติชัย เหลืองอมรชัย วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
  • เดินทางวันที่ 2-13 ธันวาคม 2567
  • เดินทางโดยสายการบินภูฎานแอร์ไลน์ ตรงสู่เมืองพุทธคยา
  • พักโรงแรมระดับ4 ดาว ทุกคืนตลอดการเดินทาง
  • บริการเสริมอาหารไทยทุกมื้อโดยพ่อครัวคนไทยเดินทางพร้อมคณะ
  • สิ่งสักการะบูชา เช่น พวงมาลัย,ดอกไม้หอม,น้ำหอม
Itinerary

Day 1กรุงเทพ - พุทธคยา - อปาลนิโครธ - สถูปนางสุชาดา - แม่น้ำเนรัญชรา - ต้นพระศรีมหาโพธิ์ - พระมหาเจดีย์พุทธคยา - สัตตมหาสถาน

09.30 น.  

คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย (TG)  เจ้าหน้าที่ วาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับท่าน

12.00 น.   

เหินฟ้าสู่ เมืองคยา ประเทศอินเดีย โดยเที่ยวบินที่ TG327 (พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

14.00 น.   

คณะเดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองพุทธคยา (เวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่เข้าสู่ตัวเมืองพุทธคยา ซึ่งทอดยาวไปตามชายฝั่งของแม่น้ำเนรัญชรา นำท่านสู่ อชปาลนิโครธ สถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยัง “ต้นไทรอชปาลนิโครธ” หรือต้นไทรของผู้เลี้ยงแพะ และประทับอยู่ 7 วัน ขณะเสวยวิมุตติสุขอยู่ ธิดาพญามาร 3 ตน คือ นางราคะ นางอรตี และนางตัณหา ได้อาสาผู้เป็นบิดาเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่างๆ นานา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาพระทัยใส่ กลับขับไล่ไปเสีย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้อีกนั่นเอง  จากนั้นนำท่านชมสถูปนางสุชาดา ผู้ซึ่งถวายข้าว มธุปายาสแก่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนการตรัสรู้  และชมสถานที่ลอยถาดทองอธิฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา  ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด โดยแม่น้ำสายนี้มีความกว้างราว 1 กิโลเมตร นำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่ของการเดินทางมาเยือนดินแดนแห่งพุทธภูมิแห่งนี้ คือ พระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ภายในท่านจะ

 
   

ได้ชม พระแท่นวัชรอาสน์ เป็นพระแท่นจำลองขึ้นทับตรงบริเวณพระแท่นเดิมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้  ปัจจุบันสร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยสร้างกำแพงแก้วทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้น จากนั้นนำท่านสักการะ พระมหาเจดีย์พุทธคยา อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้  ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัดโดยรอบฐานได้ 121.29 เมตร ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ และนำท่านสักการะสัตตมหาสถาน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับเสวยวิมุตติสุขหลังตรัสรู้ 7 แห่งๆละ 7 วัน คือ โพธิบัลลังก์  อนิมิสเจดีย์  รัตนจงกรมเจดีย์  รัตนฆรเจดีย์  อชปาลนิโครธ (ต้นไทร) ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก)  และต้นราชายตนะ (ต้นเกด)

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก DHAMMA GRAND HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 2ราชคฤห์ - ลัฏฐิวัน - รอยเกวียนโบราณ - เรือนจำขังพระเจ้าพิมพิสาร - ถ้ำมหาสมบัติ - วัดเวฬุวันมหาวิหาร - ตโปทาราม - ชีวกอัมพวันวิหาร

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ หรือ เบญจคีรีนคร แปลว่า เมืองที่มีเขาทั้ง 5 อันได้แก่ เขาคิชกูฏ เขาปัณฑวะ เขาเวภาระ เขาอิสิคิลิ และเขาเวปุลละ ระหว่างเดินทางนำท่านแวะชม ลัฏฐิวัน หรือ สวนตาลหนุ่ม เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดชาวแคว้นมคธเป็นครั้งแรก ซึ่งการเสด็จในครั้งนี้เป็นไปตามคำปฏิญญาเดิม ที่ทรงให้ไว้กับพระเจ้าพิมพิสารที่กราบทูลพระองค์ว่า  หากได้ตรัสรู้ธรรมนั้นแล้วขอให้กลับมาโปรดให้พระเจ้าพิมพิสารได้ทราบด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองผ่านจุดที่เคยเป็นประตูเมืองเก่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลเป็นบริเวณ เชิงเขาปัณทวะซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารได้พบกับพระพุทธเจ้าครั้งแรก นำท่านชม เรื อนจำคุมขังพระเจ้าพิมพิสาร สถานที่พระเจ้าอชาตศัตรูทรงทำการปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นบิดา โดยการยึดพระราชอำนาจของพระเจ้าพิมพิสาร และขังพระมารดาและพระบิดามาขังไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ จากนั้นนำท่านชม รอยเกวียนโบราณ ที่อยู่บริเวณหลังประตูเมืองราชคฤห์ เป็นรอยเกวียนที่ลงลึกเข้าไปในหิน ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเส้นทางที่ใช้เกวียนมาหลายชั่วอายุคน และสอดคล้องกับพงศาวดารในอดีตเกี่ยวกับ  เมืองราชคฤห์ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จากนั้นนำท่านสู่ ถ้ำโสนภัณฑาร์ หรือถ้ำคลังมหาสมบัติของพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงความมั่งคั่ง ร่ำรวยของกรุงราชคฤห์ที่เหนือกว่าเมืองอื่น ๆในสมัยนั้น มหาสมบัติเหล่านี้อยู่ในถ้ำหินที่เกิดจากการขุดเจาะภูเขาเวภารบรรพต ซึ่งมีอยู่ 2 ถ้ำอยู่ติดกัน เกิดจากหินก้อนเดียวกัน 

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

นำท่านชม วัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือป่าไผ่ สถานที่กำเนิดวันสำคัญทางศาสนา “วันมาฆบูชา” ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ต่อหน้าพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงบวชให้ทั้งหมด และวัดเวฬุวันมหาวิหารยังเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายให้กับองค์พระศาสดา จากนั้นนำชม ตโปทารามบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สถานที่อาบน้ำแร่ร้อนธรรมชาติเพื่อเป็นการชำระล้างบาปซึ่งมีการแบ่งเป็นห้องอาบน้ำตามความเชื่อของชาวฮินดู โดยแต่ละวรรณะจะแยกชั้นลดหลั่นกันลงมาตามวรรณะทั้งสี่   ในแต่ละวันจะมีชาวฮินดูเดินทางมาอาบน้ำเพื่อทำการชำระล้างบาปกันเป็นจำนวนมาก  ได้เวลาอันสมควรนำท่านชม ชีวกอัมพวันวิหาร หรือสวนมะม่วงของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งถวายเป็นสังฆาวาส และเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลกที่ดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมไปถึงพระพุทธองค์ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อครั้งเหตุการณ์พระเทวทัตผลักก้อนหินหลัง สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลั งอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  RAJGIR RESIDENCY  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 3ยอดเขาคิชกูฏ - พระคันธกุฏิ - มหาวิทยาลัยนาลันทา - พิพิธภัณฑ์นาลันทา - หลวงพ่อองค์ดํา

เช้า          

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก                

นำท่านเดินทางสู่สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองราชคฤห์ ซึ่งตั้งอยู่บน ยอดเขาคิชกูฏ สถานที่ พระพุทธเจ้าประทับถึง 5 พรรษา ซึ่งปรากฏหลักฐานหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ อันประกอบไปด้วย ถ้ำพระโมคคัลลานะ ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องซ้าย , จุดที่พระเทวทัตกลิ้งหินหวังปลงพระชนพระพุทธเจ้า  ,ถ้ำสุกรขาตา (ถ้ำพระสารีบุตร) ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเอตทัคคะ ที่มีปัญญาเป็นเลิศ ,และจุดที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดคือ พระคันธกุฎี กุฏิที่พำนักของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ในกรุงราชคฤห์ นำท่านสักการะพร้อมสวดมนต์ถวายแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า  เพื่อความเป็นสิริมงคลแด่ท่านและครอบครัว ได้เวลาอันสมควรคณะลงจากยอดเขา 

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์นาลันทา สถานที่เก็บวัตถุอันมีค่าเกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนาพุทธ จากนั้นนําท่านชม มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจํานวน หมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูก ชาวมุสลิม  รุกรานสังหารพระ และเผาทําลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง  ปรากฏเป็นรูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียดในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของพระโมคคัลลานา พระสารีบุตร ที่นี่ยังมีพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรปรากฏอยู่ หลังจากนั้นนําท่านกราบนมัสการ หลวงพ่อดํา ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน สร้างในสมัยพระเจ้าเทวปาล เมื่อประมาณ พ.ศ. 1353-1393 ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศเหนือของซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยนาลันทา ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่รอดพ้นจากการทำลายของกองทัพมุสลิม เป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธเป็นอย่างมาก 

ค่ำ         

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  RAJGIR RESIDENCY  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 4เมืองไวสาลี - กุฎาคารศาลา - ปาวาลเจดีย์ - เกสรียาสถูป - เมืองกุสินารา

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

นำท่านเดินทางสู่เมืองไวสาลี ในอดีตคือแคว้นวัชชีที่ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี เป็นหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป ซึ่งในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองได้รอดพ้นจากโรคอหิวาตกโรค ศาสดาแห่งศาสนาเชนไม่สามารถบำบัดโรคร้ายนี้ได้ จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ สำคัญแห่งหนึ่ง นำท่านชม กุฎาคารศาลา วัดป่ามหาวัน ที่มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรคว่ำ ซึ่งกษัตริย์ลิจฉวีทรงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ในพรรษาที่ 5 พร้อมนำท่านชมเสาอโศกรูปสิงห์ที่เชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด ที่อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก  ห้องประชุมที่สำคัญวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พ ระพุทธองค์ประธานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตสีเป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลกนำท่านชม ปาวาลเจดีย์ หรือสารีริกธาตุสถูป ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระ บรมสารีริกธาตุที่ได้รับแบ่ง 1 ใน 8 ส่วน เมื่อครั้งที่โทณพราหมณ์ได้ทำพิธีแบ่งให้กับ 8 นคร ภายหลังการถวายพระเพลิงพุทธสรีระโดยเมื่อปีพุทธศักราช 2501 ได้มีการขุดพบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นสถานที่สามารถระบุได้ว่าเป็นสถานที่ตั้งของแคว้นวัชชี และในสมัยพุทธกาลนั้น ยังเป็นสถานที่พระยามารได้เข้ามากราบทูลขอให้พระองค์ปลงอายุสังขารเสด็จปรินิพพาน ณ สถานที่แห่งนี้

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารานั้นเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ  ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์ระหว่างทางนำท่านเดินทางสักการะ เกสรียาสถูป  สถูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งตระหง่านระหว่างทาง เดิมไม่เป็นที่รู้จักสำหรับจาริกแสวงบุญของชาวพุทธ แต่หลังจากกองโบราณคดีอินเดียได้ขุดค้นเนินดินใหญ่พบพระมหาสถูปโบราณ ที่มีความเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1,400 ฟุต สูงถึง 51 ฟุต ) ซึ่งทำให้มหาสถูปโบราณที่ค้นพบใหม่นี้กลายเป็นมหาสถูปที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองและพระมหาสถูปบุโรพุทโธ ซึ่งทำให้มีผู้สันนิษฐานว่ามหาสถูปแห่งเกสริยานี้เป็นต้นแบบของมหาสถูปทั้งสอง

ค่ำ         

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พัก  ROYAL RESIDENCY  HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 5ปรินิพพานสถูป - โทณะพราหมณ์สถูป - มกุฏพันธนเจดีย์ - กุสินารา - ลุมพินี (เนปาล )

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทาง ปรินิพพานสถูป เป็นสถูปที่อยู่ด้านหลังวิหารปรินิพพาน ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระราช-ทรัพย์100,000 รูปี ให้สร้างขึ้นคร่อมกับพระแท่นปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูง 65 เมตร มี  ยอดฉัตร 3 ชั้น พร้อมปรากฏเสาอโศกในบริวณใกล้เคียง จากนั้นนำท่านชม โทณะพราหมณ์สถูป สถานที่แบ่ง   พระบรมสารีริกธาตุของโทณพราหมณ์ภายหลังการถวาย  พระเพลิงสรีระ ปัจจุบันมีลักษณะเป็นเนินดิน และมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ปรากฎในบริเวณเดียวกัน ตั้งอยู่หลังวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์  จากนั้นนำท่านสู่ มกุฏพันธนเจดีย์  เป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงเพื่อสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณด้านตะวันออกของเมืองกุสินารา หรือปัจจุบันคือรัฐอุตตรประเทศ 

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถานแห่งเดียวที่ไม่อยู่ในประเทศอินเดีย อันเนื่องมาจาก ก่อนที่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาประสูติ พระองค์ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู “ปัญ  จมหาวิโลกนะ” คือ การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ 5 อย่าง ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้ามี 5 อย่างที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือก

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พัก  PAWAN HOTEL  หรือเทียบเท่า

Day 6เมืองลุมพินี - วิหารมายาเทวี - เสาอโศก - เมืองสาวัตถี

เช้า         

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

 จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม สวนลุมพินีวัน ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล นำท่านชม วิหารมายาเทวี สถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งภายในวิหารจะปรากฏรูปปั้นของ พระนางมายาเทวี (พระมารดาของพระพุทธเจ้า) ขณะพระองค์กำลังให้กำเนิดเจ้า  ชายสิทธัตถะ และ รูปรอยเท้าของเจ้าชายสิทธัตถะ ภายนอกวิหารจะปรากฏสระโบกขรณี และเสาอโศก ซึ่งถูกฝังดินไว้และพบจารึกเป็นอักษรพราหมณ์ระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้น เมืองสาวัตถีเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นโกศล และมีความสำคัญกับศาสนาพุทธอยู่มากมายเช่นกัน เนื่องจากเป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ถึง 24 พรรษา และเป็นเมืองที่พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาและแสดงธรรมแก่ภิกษุและพุทธบริษัทให้บรรลุอมตธรรมเป็นจำนวนมาก  มีพระอรหันตสาวกอยู่จำพรรษานับพันนับหมื่นองค์ มีอุบาสกอุบาสิกาก็เป็นเลิศกว่าใครในแผ่นดิน ส่วนพระราชาก็ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พัก PAWAN  HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 7เมืองสาวัตถี - ปาฏิหาริย์สถูป - วัดเชตวันมหาวิหาร - อานันทโพธิ์ - พระมูลคันธกุฎี - บ้านองคุลิมาล บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี – เมืองพาราณสี

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

นำท่านสักการะ สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์สถูป เป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่แม้แต่อัครสาวกไม่สามารถแสดงได้ โดยปาฏิหาริย์ที่เกิดเป็นลักษณะคู่ คือมี 2 เหตุการณ์ อันประกอบไปด้วย  การปราบทิฏฐิพวกเดียรถีย์ภายใต้ต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์ และการเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นที่ 2 หรือดาวดึงส์เพื่อโปรดพระนางมายาเทวี พระพุทธมารดาของพระองค์ จากนั้นนำท่านเที่ย วชม วัดเชตวันมหาวิหาร หรือสาเหต (Sahet) พระอารามหลวงขององค์พระศาสดา จำพรรษาถึง 19 พรรษา โดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้บริจาคทรัพย์สมบัติในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 80 ไร่ พร้อมเยี่ยมชม สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร และอานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ต้นนี้ปรากฏหลักฐานจารึกของหลวงจีนฟาเหียนและ พระถังซัมจั๋งโดยต้น  โพธิ์ดังกล่าวยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ที่ได้รับการ ขุดค้นและปรับแต่งภูมิทัศน์เป็นอย่างดี ได้เวลาสมควรนำท่านชม บ้านองคุลิมาล เป็นบุคคลสำคัญในยุคต้นแห่งพุทธศาสนา โดยเฉพาะตามพุทธประวัติพุทธฝ่ายเถรวาท เดิมนั้นเป็นโจรปล้นฆ่าคน แต่ภายหลังมีศรัทธาในพุทธศาสนา ได้กลับใจบวชเป็นพระภิกษุ และบรรลุเป็นพระอรหันต์ และชม บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ชาวสาวัตถีในสมัยพุทธกาล มีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า เดิมท่านมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี เกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดา ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเรียกว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองพาราณสี ซึ่งเมืองพาราณสีนั้นเป็นเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล เป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นกาสี ซึ่งเป็นเมืองที่สถิตย์ขององค์พระศิวะที่มีชื่อเสียงทางด้านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูมาอย่างยาวนานบนแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความเชื่อในการอาบน้ำล้างบาป ตามทรรศนะคติพราหมณ์ตราบจนถึงปัจจุบัน สำหรับศาสนาพุทธเมืองพาราณสียังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาที่หลากหลายประเทศมีการส่งพระสงฆ์มาศึกษาพระธรรมวินัยในยุคปัจจุบันในสมัยพุทธกาล

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พักหลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก PINNACEL HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 8ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน - มูลคันธกุฎี - ธัมเมกขสถูป - กุฏิยสะเถร – พิพิธภัณฑ์ - ล่องเรือแม่น้ำคงคา - พาราณสี - เดลลี

เช้า          

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองสารนาถ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองพาราณสี ในอ ดีตสถานที่แห่งนี้คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แก่ปัญจวคีย์ทั้ง 5 และเป็นสถานที่เกิดพระรัตนตรัยครบ 3 องค์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์  จากนั้นนำท่านชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมปรากฏเสาอโศกในพื้นที่ดังกล่าว นำท่านนมัสการ ธัมเมกขสถูป เป็นสถูปที่สร้างเพื่ออุทิศแด่พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้ซึ่งเห็นธรรมเป็นท่านแรก สถูปแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบเมาริยะ เป็นทรงกลมแบบบาตรคว่ำ มีความสูงจากฐาน 42 เมตร ภาย หลังจากสถูปองค์เก่าถูกทำลายได้มีการสร้างสถูปแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช 2337 และ” นำท่านเยี่ยมชม กุฏิยสะเถระ เป็นสถานที่ที่พำนักของพระยสะเถระ บุตรของเศรษฐีในกรุงพาราณสี ผู้ซึ่งมีความเบื่อหน่ายต่อทางโลก จนได้พบกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่พระองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถา เพื่อฟอก จิตใจยสกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม และได้รับการขนานนามว่า พระอรหันต์อ งค์แรกที่อยู่ในเพศฆราวาส จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม เจาคัณฑีสถูป เป็นอนุสรณ์สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบกับ  ปัญจวคีย์ทั้ง 5 เมื่อเสด็จมาโปรดหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้เพียง 2 เดือน และสามารถทำให้อัญญาโกณฑัญญะบรรลุอรหันต์ซึ่งสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์สารนาถ ท่านจะได้ชมศิลปวัตถุชิ้นสำคัญสองรายการ ได้แก่ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก  และเสาหินพระเจ้าอโศกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก สภาพของวัสดุที่เป็นหินทรายแดงยังขึ้นเงาวับ ซึ่งหัวเสานี้ถูกนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินของอินเดียในเวลาต่อมา และใช้จนถึงปัจจุบัน

เที่ยง        

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

ได้เวลาสมควรนำท่านล่องเรือแม่น้ำคงคา ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และชมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา สายน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงชาวอินเดียมาแต่โบราณกาล ได้เวลาสมควรนำคณะออกเดินทางสู่เมืองคยา ผ่านชมเส้นทางอันสวยงามสองข้างทางพร้อมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ โดยท่านวิทยากร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองเดลลี โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท … ให้บริการทำการเช็คอิน และคอยอำนวยความสะดวก

15.55 น.   

คณะเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติเมืองเดลลี สายการบินอินดิโก้ (6E) เที่ยวบินที่ 6E2232

17.30 น.  

คณะเดินทางถึง เมืองเดลลี จากนั้นนำคณะสู่ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรง แรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  ITC WELCOME HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 9กัมมาสธัมมะนิคม - พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอินเดีย - ประตูเมืองอินเดีย - เดลลี - ออรังกาบัต

เช้า          

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

นำท่านเดินทางสู่ กัมมาสธัมมะนิคม ตั้งอยู่ในเขตไกรลาศตะวันออก กรุงนิวเดลี เป็นสถานที่ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จฯมา เพื่อทรงแสดงธรรมมหาสติปัฏฐานสูตร ในนครอินทรปัตถ์ให้แก่ชาวกุรุ ณ เมืองที่เรียกว่า “กัมมาสธัมมะนิคม” ตรงจุดที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเทศนา ปัจจุบันเป็นกองหินสีแดงขนาดย่อม และมีแผ่นหินก้อนหนึ่งบริเวณยอดกองหินซึ่งมีข้อความจารึกด้วยอักษรพราหมมี เชื่อกันว่าพระเจ้าอโศกเป็นผู้จารึกไว้เพื่อแ สดงเป็นหลักฐานให้ทราบว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าได้แสดงพระสูตรดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นพระสูตรที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา จากนั้นนำท่านสู่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินเดีย สถานที่จัดเก็บ พระบรมสารีริกธาตุ ที่ประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงนิวเดลี ขุดค้นพบโดยทางการอินเดียที่เมืองปิปราหะวะ รัฐอุตตรประเทศหรือยูพี โดยจัดไว้ในห้องนิทรรศการสำหรับโบราณวัตถุที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน ต่อมารัฐบาลไทยได้สร้างบุษบกไม้สักแกะสลักปิดทอง โดยส่วนยอดของบุษบกทำจากทองคำหนัก 102 กรัม ประดับอัญมณี ถวายเป็นพุทธบูชา และมอบให้เป็นของขวัญแก่รัฐบาลอินเดียเมื่อ 10 ตุลาคม 2540 มีพุทธศาสนิกชนทั่วโลกเข้าไปสักการะจำนวนไม่น้อย  

เที่ยง    

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

จากนั้นนำท่านสู่ ประตูเมืองอินเดีย (India Gate) สิ่งก่อสร้างที่มีรูปแบบและลักษณะคล้ายคลึงประตูชัยของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นประตูทรงโค้งที่มี ความสูงถึง 42.35 เมตร โดยเซอร์เอ็ดเวิร์ด ลูตเยนส์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เหล่าทหารอินเดียและอังกฤษจำนวนมากมายที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามอัฟกัน แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1931 โดยใช้วัสดุในการก่อสร้างเป็นหินทรายแดง ส่วนตรงกลางประตูนั้นมีกระถางหินทรายแดงขนาด  ใหญ่ซึ่งถูกจุดไฟให้ลุกโชนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. ได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่เมืองออรังกาบัต

16.45 น.   

คณะเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติเมืองเดลลี โดยสายการบินอินดิโก้เที่ยวบินที่ 6E2066

18.30 น.  

คณะเดินทางถึง เมืองออรังกาบัด จากนั้นนำคณะเดินทางสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก THE FERN RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 10ออรังกาบัด - ถ้ำอชันตา (เต็มวัน)

เช้า          

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ ถ้ำอชันตา ถ้ำอชันตาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1983 ชมความงดงามและอลังการของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยขุดเจาะภูเขาเป็นสังฆรามขนาดใหญ่แบบศิลปะคุปตะและหลังคุปตะอันวิจิตร ถ้ำอชันตาประกอบไปด้วยถ้ำ 28 ถ้ำ มีอายุกว่า 2,000 ปี เป็นพุทธสถานที่สร้างจากการสกัดหน้าผาหินเข้า ไปในเขาเหนือแม่น้ำวโฆระ แต่เดิมเป็นศูนย์กลางของเหล่าสงฆ์ในพุทธศาสนาราวพุทธศตวรรษที่ 7-13 ก่อนถูกทอดทิ้งให้รกร้างกลางป่าจึงรอดพ้นจากการทำลายล้างจากกองทัพผู้รุกรานจนมาถูกค้นพบอีกครั้งโดยบังเอิญจากนายทหารอังกฤษใน ศตวรรษที่ 19 ภายในถ้ำท่านจะได้ชมงานแกะสลักเสาอันงดงามและวิจิตรบรรจง รวมถึงพระพุทธรูปและเจดีย์ศิลาที่สกัดและตกแต่งขึ้นจากหินเนื้อเดียวกันกับพื้นผนังถ้ำยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 1,200 ปี มีความงดงามสมบูรณ์ด้วยเทคนิคการเขียนภาพสามมิติ ภาพสีเฟรสโก้อันน่าอัศจรรย์ พระพุทธรูปศิลา

เที่ยง        

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

หลังอาหารกลางวันนำท่านชม ถ้ำอชันตากันต่อในช่วงบ่าย จนได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองออรังกาบัด ระหว่างทางท่านจะได้ชมความงดงามของชนบทของอินเดียซึ่งมีอาชีพส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก THE FERN RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 11ถ้ำเอลโลร่า - ช้อปปิ้ง - ออรังกาบัด - เมืองมุมไบ - กรุงเทพ

เช้า          

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ หมู่ถ้ำเอลโลร่า (ระยะทาง 30 กม.) หนึ่งในสถานที่ที่สวยงามจนติดอันดับมรดกโลก ท่านจะได้  สัมผัสความใหญ่โตมหึมาของศาสนสถานหินเอลโลร่า อันสวยสดงดงาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1983 ด้วยถ้ำมหัศจรรย์นี้ถูกสร้างโดยการขุดเจาะหน้าผาเข้าไปเป็นแนวตรงระหว่างศตวรรษที่ 6-10 ปลายสมัยราชวงศ์รัชตคุต ถ้ำเอลโลร่า ประกอบไปด้วยถ้ำทั้งหมด 34 ถ้ำ แบ่งเป็นพุทธสถาน 12 ถ้ำ เทวสถานในศานาฮินดู 14 ถ้ำ และศาสนสถานของเชน 8 ถ้ำ ชมเทวสถานไกรลาส ในศาสนาฮินดู ซึ่งแกะสลักภูเขาทั้งลูกให้เป็นปราสาทหินศิลปะอินเดียใต้ สลักลวดลายเป็นรูปเทพเจ้าต่างๆ อย่างงดงามเหนือจิตนาการ

เที่ยง        

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย         

จากนั้นนำท่านสู่ SHOPPING MALL ศูนย์การค้าดังของเมืองออรังกาบัด เป็นรวมสินค้านานาชนิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋า รองเท้า นาฬิกา แว่นตา ของฝากของทีระลึกสินค้าจากประเทศอินเดีย และแบรนด์เนมชั้นนำ อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการ ช้อปปิ้งสินค้าราคาโปรโมชั่นที่แข่งกันลดราคาเอาใจนักท่องเที่ยวกันตามอัธยาศัย ได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่สนามบิน

18.25 น.   

คณะเดินทางออกจากสนามบินโดยสายการบินอินดิโก้ เที่ยวบินที่ 6E6569

19.20 น.  

คณะเดินทางถึงสนามบินมุมไบนำท่านเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อสู่กรุงเทพมหานคร

23.20 น.         

คณะออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG318

Day 12วันที่สิบสอง กรุงเทพมหานคร (สนามบินสุวรรณภูมิ )

05.05 น.         

เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ  ด้วยความสวัสดี…พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

Photos