ทัวร์อินเดีย อินเดีย (มุมไบ-ปูเน่) 6 วัน 4 คืน TG

0
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อ-นามสกุล*
อีเมล*
เบอร์โทรติดต่อ*
จำนวนผู้เดินทาง*
* I agree with Terms of Service and Privacy Statement.
Please agree to all the terms and conditions before proceeding to the next step
บันทึกโปรแกรมทัวร์

Adding item to wishlist requires an account

873

อินเดีย (มุมไบ-ปูเน่) 6 วัน 4 คืน TG

สักการะขอพร พระพิฆเนศครบ 10 พระองค์ มหาเทพแห่งความสำเร็จ ต้นกำเนิดแห่งฮินดูเทพที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก สักการะองค์ศรีสิทธิวินายัก, องค์ดั๊กดูเศรษฐ์ และอัสตะวินายัก มูการงานราบรื่น มูร่ำรวย กับโปรแกรม อินเดีย (มุมไบ-ปูเน่) 6 วัน 4 คืน TG

line

Itinerary

Day 1กรุงเทพฯ - มุมไบ

16.00 น.     

คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 3 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย (TG) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสาร และสัมภาระแด่ท่าน

18.55 น.    

เหินฟ้าสู่ มุมไบ โดยเที่ยวบินที่ TG 317 ä (บริการอาหาร และเครื่องดื่มบนเครื่อง)

21.55 น.     

คณะเดินทางมาถึง สนามบินฉัตรปาตี ศิวะจี เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย (เวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

ที่พัก KOHINOOR HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 2เมืองมุมไบ - เมืองมาฮัด - (1) เทวสถานศรีวรทาวินายกะ - เมืองปาลี - (2) เทวสถานศรีพาลาเลศวร - เมืองปูเน่ - (3) องค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมือง เมืองมาฮัด ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของเขตไรกาดซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่อวตารขององค์พระพิฆเนศเสด็จลงมาประทานพรแก่ฤาษีคฤตสมาชผู้ต้องคำสาป ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะ และมุทคลปุราณะ นำท่านสักการะ เทวสถานศรีวรทาวินายกะ (SHREE VARADA VINAYAK TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย ภายในวิหารที่ประดิษฐานพระวรทาวินายกะแห่งนี้ได้รับแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่มีความเชื่อว่าไม่เคยมอดดับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1892 โดยวิหารแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 19.5 ตารางเมตร และยอดโดมสูงประมาณ 7.62 เมตร ปลายยอดโดมทำด้วยทองคำ และเป็นเทวสถานแห่งเดียวที่อนุญาตให้เข้าไปสักการะภายในวิหารได้ ภายนอกวิหารจะปรากฏช้างจำนวน 4 เชือก ประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ด้าน

เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภัตตาคาร

บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปาลี สถานที่พระพิฆเนศเสด็จลงมาประทานพรให้แก่เด็กชาย และเนรมิตเทวสถานแห่งนี้พร้อมกับสวยัมภูมูรติ ณ ที่แห่งนี้ ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะนำท่านสักการะ เทวสถานศรีพาลาเลศวร (SHREE BALLALESHWAR TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตร และพระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร ประทับอยู่บนบัลลังก์ไม้แกะสลัก โดยมี มุสิกะ หนูเทวพาหนะของพระองค์ท่าน เหยียบขนมโมทกะอยู่บริเวณด้านหน้าของเทวรูป วัดแห่งนี้เป็นวัดที่สร้างด้วยไม้ และมีคติทางสถาปัตยกรรมที่คล้ายกับปราสาทหินพนมรุ้งที่กำหนดให้แสงแห่งสุริยเทพสาดส่องได้ทุกประตู ได้เวลาสมควรออกเดินทางสู่ เมืองปูเน่ เมืองในรัฐ Maharashtra ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของมุมไบ ห่างไปประมาณ 150 กม. สภาพภูมิทัศน์ตั้งอยู่บนเนินเขา จึงทำให้เมือง Pune มีอากาศเย็นสบาย เป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาของประเทศอินเดียเนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อาจกล่าวได้ว่าเป็น “ออกซฟอร์ดแห่งอินเดีย” มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ จากนั้นนำท่านสักการะ องค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ (Dagadusheth Halwai Ganapati) ประดิษฐานอยู่ที่ เทวลัยพระพิฆเนศวร เมืองปูเน่ เป็นองค์พระพิฆเนศหล่อจากทองคำ ตกแต่งด้วยเครื่องทรงและเครื่องประดับจากทองคำแท้ ความสูง 7.5 ฟุต เชื่อกันว่าผู้ใดที่ได้มาสักการะจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ร่ำรวยเงินทองแบบมหาศาล

ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก ROYAL ORCHID CENTRAL HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 3เมืองเลนยาตรี - (4) เทวสถานศรีศรีคีรีจัตมา - เมืองโอซาร์ - (5) เทวสถานศรีศรีวิฆเนศวร - เมืองรันชันกาวน์ - (6) เทวสถานศรีมหาคณปติ - เมืองปูเน่

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเลนยาตรี สถานที่กำเนิดพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระแม่ปารวตีทรงทำพิธีของบุตร นำท่านสักการะ เทวสถานศรีคีรีจัตมา (SHREE GIRIJATMAKA TEMPLE)  ตั้งอยู่ในถ้ำบนภูเขาริมแม่น้ำกุกดี และภายในถ้ำแห่งนี้ก็เกิดปาฏิหาร มีพระพิฆเนศเกิดขึ้นมาทำให้ชาวฮินดูขึ้นมายาตรามหาเทพ จึงทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นถ้ำของพระพิฆเนศ การสักการะองค์พระพิฆเนศ จึงเชื่อกันว่า พระพิฆเนศเป็นอวตารปางหนึ่งของพระกฤษณะด้วยการยาตรามายังถ้ำเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้ก็เพื่อขอบุตร ซึ่งผลบุญแห่งการยาตรามาแสวงบุญนี้ จะทำให้ผู้ที่ยังไม่มีบุตรและมาประกอบพิธีขอบุตรที่นี่จะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอและ จะได้บุตรที่ดีเฉลียวฉลาดและมีปัญญาหลัก แหลมเหมือนดังองค์พระคเนศ และที่บริเวณถ้ำแห่งนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเลนยาตรีได้อีกด้วย ออกเดินทางสู่ เมืองโอซาร์ สถานที่พระพิฆเนศได้รับการบูชาจากเหล่าฤาษีให้ลงมาปราบวิฆนาสูร นำท่านสักการะ เทวสถานศรีศรีวิฆเนศวร (SHREE VIGANESHWAR TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตรประดับด้วยทับทิม พระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร และพระนาภี (สะดือ) ประดับด้วยอัญมณี โดยมีพระนางสิทธิกับพระนางพุทธะ 2 พระมเหสี ประทับอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน เทวสถานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 1785 โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยดำริของ พลเอกชิมาจิ อัปป้า (SHIMAJI APPA) แห่งแคว้นมหารัชตะ หลังมีชัยชนะจากสงครามกับโปรตุเกสที่ปกครองครองแคว้นวาไซและซาชตี้ ซึ่งเทวสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูคาดี

เที่ยง           

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภัตตาคาร

บ่าย                

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองรันชันกาวน์ สถานที่ที่พระศิวะได้ทรงทำพิธีบูชาพระพิฆเนศเพื่อทำลายนครตรีปุระ ของตรีปุราสูร บุตรทั้ง 3 ของราชาอสูร ตารกาสูร โดยพระศิวะทรงได้รับพรสมปรารถนา  นำท่านสักการะ เทวสถานศรีมหาคณปติ (SHREE MAHAGANAPATI TEMPLE) เทวตำนานเล่าว่า ขณะที่ฤาษีคฤตสมาชนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาได้จามออกมาเป็นกุมารน้อยผิวสีแดง จึงสอนให้กุมารสวดบูชาต่อพระพิฆเนตร กุมารน้อยบำเพ็ญเพียรกว่าห้าพันปีทำให้พระพิฆเนศพอใจเป็นอย่างมากจึงประทานพรให้ แต่กุมารขอให้ตนเองมีอำนาจเหนือ 3 โลก พระพิฆเนศให้ตามที่ขอโดยการเนรมิตประสาท 3 หลัง และตรัสว่า “ต่อไปนามของเจ้าคือ ตรีปุระ และวันใดที่เจ้าชั่วร้าย ประสาทเหล่านี้จะถูกทำลายและเจ้าจะถูกทำลายเสวยศรดอกเดียวของพระศิวะ บิดาแห่งข้า” ต่อมาตรีปุระลำพองตนรุกรานทั้ง 3 โลก องค์พระศิวะจึงเสด็จมาปราบ และหลังจากบวงสรวงต่อพระพิฆเนศแล้วพระศิวะก็ปราบตรีปุระได้สำเร็จ จึงเชื่อว่าเทวสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระศิวะบวงสรวงต่อพระพิฆเนศ การสักการะองค์ศรีมหาคณปติจะทำให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ สามารถพิชิตมารร้าย และอุปสรรคทั้งหลายได้สำเร็จ ผู้ที่มาสักการะองค์ “ศรีมหาคณปติ” ที่นี่จะได้รับความสำเร็จสมความปรารถนา ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองปูเน่

ค่ำ             

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Royal Orchid Central HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 4เมืองเทอูร์ - (7) เทวสถานศรีจินดามณี - เมืองสิทธิธาเทค - (8) เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ - เมืองโมเรกาวน์ - (9) เทวสถานศรีมยุเรศวร - เมืองปูเน่

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเทอูร์ ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมืองปูเน่ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร นำท่านสักการะ เทวสถานศรีจินดามณี (SHREE CHINTAMANI  TEMPLE) ตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่ากษัตริย์อภิจิต และพระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อคณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในโลกทั้งสาม และคณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระพิฆเนศ สุดท้ายถูกพระพระพิฆเนศ สังหาร มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชทำ พระฤาษีอธิษฐานให้พระพิฆเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า “ศรีจินดามณี” หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย พระเนตรของเทวรูปประดับด้วยเพชรนิลจินดา โดยผู้มาสักการะองค์พระศรีจินดามณี จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองสิทธิธาเทค ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมืองอาเมดนาการ์ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่พระวิษณุได้ทรงทำพิธีบูชาพระพิฆเนศ ด้วยคำว่า “โอม ศรี คเณศายะ นะมะหะ” และทรงได้รับพรสมปรารถนาเป็นพลังสิทธิ หรือพลังที่เหนือธรรมชาติ จนทำให้มีชัยเหนืออสูรมาธุและไกตภะอสุรา นำท่านสักการะ เทวสถานศรีสิทธิวินายัก (SHREE SIDDHI VINAYAK  TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ และงวงหันไปทางขวา ซึ่งมีความหมายว่าให้พรสมปรารถนาที่ทันใจ แต่ผู้สักการะนั้นต้องเป็นผู้ที่เคร่งครัดในการสวดภาวนา เทวสถานแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่เดียวที่มีพระสวยัมภูมูรติที่งวงหันไปทางขวา ซึ่งวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดเล็ก มีถนนที่ตัดตรงสู่เทวสถานแห่งนี้ ซึ่งคาดว่าสร้างในช่วงสมัยสงครามกาเจนดรากาด เป็นที่ประดิษฐานสวยัมภูมูรติ มีความสูง 4.5 เมตร และมีด้านกว้  างด้านละ 0.75 เมตร

เที่ยง           

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภัตตาคาร

บ่าย            

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองโมเรกาวน์ หรือหมู่บ้านนกยูง ซึ่งตัวหมู่บ้านมีลักษณะทางภูมิศาสตร์คล้ายกับนกยูง อีกทั้งในอดีตยังเป็นที่พำนักของฝูงนกยูงจำนวนมาก นำท่านสักการะ เทวสถานศรีมยุเรศวร (SHREE MAYURESHWAR GANAPATI TEMPLE) ตำนานว่าพระคเณศทรงประทับมาบนหลังนกยูง ใช้ขวานผ่าท้องนายสินธุ เอาหม้อน้ำอมฤตออกจากท้องแล้วสังหารสินธุด้วยการตัดหัว หลังจากที่หัวของสินธุขาดก็เกิดเป็นสีแดงสดใสสาดไปทั่วทั้งสวรรค์บังเกิดเป็นผงเจิมสีแดงสดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ผงนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ผงสินธุ” และยังเป็นสถานที่เหล่าปัญจเทวตา ที่ประกอบไปด้วย พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระศักติ และพระสุริยะ ผู้ที่มาสักการะองค์ “พระศรีมยุเรศวร” จะปราศจากอุปสรรคและอันตรายใดๆมาแผ้วพาน ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองปูเน่

ค่ำ               

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก Royal Orchid Central HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 5เมืองปูเน่ - เมืองมุมไบ - INDIA GATE - (10) องค์ศรีสิทธิวินายัก - (11) วัดพระแม่ลักษมี – ช้อปปิ้งโคลาบา - มุมไบ - กรุงเทพฯ

เช้า            

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

จากนั้นนำท่านกลับสู่เมืองมุมไบ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ‘บอมเบย์’ซึ่งเป็นชื่อเก่าของเมืองมุมไบและหากพูดถึงประเทศอินเดียหลายคนก็มักจะนึกถึงคำว่า ‘Bollywood’ ใช่แล้วค่ะนครมุมไบแห่งนี้เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมความบันเทิงที่ผลิตนักแสดงให้มีชื่อเสียงโด่งดัง ย และนอกจากนี้นครมุมไบยังเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ นำท่านเดิทางสู่ ประตูสู่อินเดีย (INDIA GATE) เป็นอนุสาวรีย์ซุ้มประตูโค้งแบบประตูชัย ที่ตั้งอยู่ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย ปัจจุบันใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับพิธีต้อนรับรัฐมนตรีใหม่ของนครมุมไบ และเช่นกัน เป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางมหาสมุทรอินเดีย ประตูสู่อินเดียตั้งอยู่หน้าน้ำที่อะพอลโลบันเดอร์ ในทางทิศใต้ของนครมุมไบ มองออกไปคือทะเลอาหรับบางครั้งเรียกว่าเป็นทัชมาฮาลแห่งมุมไบ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสักการะ องค์ศรีสิทธิวินายัก (Siddhivinayak) ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ พระพิฆเนศวรคู่เมืองมุมไบ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย นับถือกันว่าเป็นองค์ประธานของเทวรูปพระพิฆเนศทุกองค์ในโลก โดยองค์เทวรูป มีขนาดความสูง 75 เซนติเมตร และหน้าตักกว้าง 60 เซนติเมตร โดยงวงหันไปทางขวา ซึ่งมีความหมายว่าให้พรสมปรารถนาที่ทันใจ แต่ผู้สักการะนั้นต้องเป็นผู้ที่เคร่งครัดในการสวดภาวนา โดยด้านข้างขององค์เทวรูปจะปรากฏพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระนางสิทธิ และพระนางพุทธะ ประทับอยู่ทั้ง 2 ด้าน

เที่ยง           

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภัตตาคาร

บ่าย            

จากนั้นนำท่านสักการะ วัดพระแม่ลักษมี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย สร้างขึ้นในปี 1831 โดยพ่อค้าชาวฮินดู ภายในประดิษฐานเทวรูปทองคำ พระแม่ลักษมี (Mahalakshmi) ผู้ที่มากราบไหว้บูชาแห่งนี้ จะประสบแต่ความร่ำรวย ความสำเร็จ โชคลาภมากมาย, พระแม่กาลี (Mahakali) คือผู้ปกป้องเราจากสิ่งไม่ดี, พระแม่สุรัสวตี (Mahasaraswathi) คือผู้บันดาลความเฉลี่ยวฉลาด ปัญญาเป็นเลิศ การงานสำเร็จ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวอินเดียเดินทางมากราบไว้สักการะมากมาย จากนั้นให้ท่านเลือกซื้อสินค้าของฝาก ณ. แหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญของเมืองมุมไบย่านโคลาบา (Colaba Causeway) เพียบพร้อมไปด้วยสินค้าหลากหลายชนิด เช่นเครื่องประดับ เพชรพลอย เสื้อผ้า และเครื่องหนัง โดยแต่ละส่วนจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป

ค่ำ               

บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินมุมไบ

23.30 น.         

ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TG 318 ä (บริการอาหาร และเครื่องดื่มบนเครื่อง)

DAY 6กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

05.35 น.      คณะเดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความประทับใจมิรู้ลืม